อายุการเก็บรักษาน้ำปลานานแค่ไหน | น้ำปลาตราปลาหมึก

ไขข้อสงสัย น้ำปลามีอายุการเก็บรักษานานแค่ไหน?

เคยสงสัยกันไหมว่า “น้ำปลา” สามารถเก็บได้นานแค่ไหน? หลายคนอาจคิดว่าน้ำปลาสามารถใช้ได้นานไม่มีกำหนด เพราะมีส่วนผสมของเกลือช่วยถนอมอาหาร แต่จริง ๆ แล้วน้ำปลาก็มีอายุการเก็บรักษาที่ควรรู้เช่นกัน หากเก็บไว้นานเกินไป อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น และรสชาติ ถึงแม้จะไม่เน่าเสีย แต่ก็อาจส่งผลต่อคุณภาพของน้ำปลาในการนำไปปรุงอาหาร วันนี้ Squid Brand ตราปลาหมึกจะพาทุกคนไปไขข้อสงสัย? ว่าน้ำปลามีอายุการเก็บรักษานานแค่ไหนกัน

อายุการเก็บรักษาของน้ำปลา

น้ำปลามีอายุการเก็บรักษาประมาณ 1-2 ปี หรือเท่ากับระยะเวลา Best-Before ที่ระบุอยู่บนบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ อายุการเก็บรักษาของน้ำปลาขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิตและสัดส่วนของเกลือที่ใช้หมัก หากเป็น น้ำปลาแท้ที่ผลิตจากการหมักปลาธรรมชาติ จะสามารถเก็บได้นานโดยไม่เสีย แต่สีและกลิ่นอาจเข้มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่น้ำปลาที่มีการเติมสารกันเสียอาจช่วยคงสภาพของกลิ่นและรสชาติได้นานขึ้น อย่างไรก็ตาม น้ำปลาที่หมดอายุแล้ว แม้จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็อาจทำให้รสชาติของอาหารไม่อร่อยเหมือนเดิม

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการเก็บรักษา

การเก็บรักษาน้ำปลาให้มีคุณภาพดีและอยู่ได้นานขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่

  1. วิธีการเก็บรักษา: น้ำปลาจะสามารถใช้งานได้นานตามฉลากวันหมดอายุ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเก็บรักษา ควรเก็บน้ำปลาในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดด ความชื้น และความร้อนสูง เพราะอาจทำให้สีของน้ำปลาเข้มขึ้นเร็วกว่าปกติ
  2. บรรจุภัณฑ์: น้ำปลาที่บรรจุในขวดแก้วมักจะคงคุณภาพได้ดีกว่าขวดพลาสติก เนื่องจากป้องกันการเปลี่ยนแปลงของรสชาติและกลิ่นได้ดีกว่า
  3. การสัมผัสอากาศ: เมื่อน้ำปลาโดนอากาศนาน ๆ อาจเกิดการระเหยของกลิ่น และทำให้รสชาติเปลี่ยนไป ควรปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้
  4. ความสะอาดของภาชนะ: หากต้องเทน้ำปลาไปใส่ขวดใหม่ หรือใช้ช้อนตัก ควรมั่นใจว่าภาชนะสะอาด ป้องกันสิ่งปนเปื้อนที่อาจทำให้น้ำปลาเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติ 

วิธีสังเกตน้ำปลาที่ใกล้หมดอายุหลังเปิดใช้งาน

แม้ว่าน้ำปลาจะไม่เน่าเสียเหมือนอาหารสด แต่เมื่อใกล้หมดอายุหรือถูกเก็บไว้นานหลังเปิดใช้งาน อาจมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติของน้ำปลา สังเกตได้จากลักษณะดังต่อไปนี้

1. สีเข้มขึ้นกว่าปกติ

น้ำปลาที่เก็บไว้นานมักจะมีสีเข้มขึ้นจากสีเหลืองอำพันเป็นสีน้ำตาลเข้ม เนื่องจากกระบวนการออกซิเดชันของโปรตีนและเกลือแม้ว่าสีที่เปลี่ยนไปจะไม่เป็นอันตรายต่อการบริโภค แต่ก็อาจทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยนไป

2. กลิ่นแรงหรือผิดปกติ

น้ำปลาปกติจะมีกลิ่นหอมของการหมักปลาและเกลือ แต่หากมีกลิ่นที่ฉุนเกินไป หรือมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ อาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบบางอย่างในน้ำปลา หากมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวหรือกลิ่นคล้ายแอมโมเนีย อาจเป็นสัญญาณว่าน้ำปลาหมดอายุแล้ว

3. รสชาติเปลี่ยนไป

น้ำปลาที่ดีควรมีรสเค็มกลมกล่อมและมีกลิ่นหอมของการหมักตามธรรมชาติ หากรสชาติเพี้ยนไป เช่น เค็มจัดจนผิดปกติ หรือมีรสเปรี้ยว อาจหมายถึงการเสื่อมสภาพของน้ำปลา

4. มีตะกอนหรือตกผลึกมากผิดปกติ

ตะกอนบางชนิดที่เกิดจากกระบวนการหมักอาจพบได้ในน้ำปลาธรรมชาติ แต่หากมีตะกอนขุ่นข้นหรือสีดำผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ และในบางกรณีอาจมีการตกผลึกของเกลือ ซึ่งไม่เป็นอันตราย แต่ควรสังเกตว่าน้ำปลาไม่มีการแยกชั้นหรือข้นเหนียวผิดปกติ

5. มีฟองหรือการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสัมผัส

หากสังเกตเห็นฟองหรือเมือกที่ผิวหน้าของน้ำปลา หรือมีลักษณะข้นขึ้นจนผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าน้ำปลาเริ่มเสื่อมคุณภาพ จึงไม่ควรใช้หากพบสิ่งแปลกปลอมที่อาจเกิดจากการปนเปื้อน

 น้ำปลามีอายุการเก็บรักษาประมาณ 1-2 ปี ตามที่ระบุไว้บนฉลาก หลังจากนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสีและกลิ่น แต่ไม่เน่าเสีย เพราะมีเกลือช่วยถนอมไว้ตั้งแต่กระบวนการผลิต ซึ่งน้ำปลาที่เปิดใช้งานแล้ว ควรเก็บรักษาให้เหมาะสมและใช้ให้หมดภายใน 6-12 เดือน เพื่อคงคุณภาพที่ดีที่สุด หากพบว่าสี กลิ่น หรือรสชาติผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค อย่างไรก็ตาม การเก็บรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยให้น้ำปลาคงคุณภาพได้นาน และปลอดภัยต่อการนำมาใช้ประกอบอาหารเพื่อการบริโภคด้วย