เชื่อว่าหลายคนต้องเคยสงสัย เวลาเปลี่ยนยี่ห้อน้ำปลาแล้วรสชาติอาหารก็เปลี่ยนตาม ทั้งที่ใส่ปริมาณเท่าเดิม หรือน้ำปลาบางยี่ห้อมีรสเค็มจัด บางยี่ห้อติดหวาน บางสูตรมีกลิ่นแรงจนกลบวัตถุดิบหลักในจาน คำถามคือทำไมน้ำปลาซึ่งดูเหมือนจะมีส่วนผสมแค่ปลากับเกลือ ถึงให้รสชาติที่แตกต่างกันขนาดนี้?
ความจริงแล้วปัจจัยที่ทำให้ “น้ำปลาหลายยี่ห้อมีรสชาติที่แตกต่างกัน” มีหลายอย่างตั้งแต่ “วัตถุดิบ วิธีหมัก ระยะเวลาหมัก ไปจนถึงการเติมแต่ง” ต่างมีผลอย่างมากต่อรส กลิ่น และคุณภาพของน้ำปลา ซึ่งในบทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัย พร้อมเปรียบเทียบน้ำปลาแท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อหาคำตอบว่าน้ำปลายี่ห้อไหนอร่อยและเหมาะกับครัวของคุณที่สุด
ปัจจัยที่ทำให้น้ำปลาแต่ละยี่ห้อมีรสต่างกัน
แม้น้ำปลาจะดูเหมือนเครื่องปรุงที่เรียบง่าย แต่ความจริงแล้วเบื้องหลังขวดเล็กๆ นั้นมีความแตกต่างซ่อนอยู่มากมาย ไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลิ่น สี และความกลมกล่อมที่ส่งผลต่อรสอาหารในจานโดยตรง ซึ่งความลับของความต่างนั้น อยู่ที่กระบวนการผลิตและวัตถุดิบที่แต่ละแบรนด์เลือกใช้ ลองมาดูไปพร้อมกันว่า “อะไร” คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้ำปลาแต่ละยี่ห้อมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกัน
1. ชนิดของปลา
ปลาที่นิยมนำมาทำน้ำปลาคือ “ปลากะตัก” เพราะมีขนาดเล็ก ไขมันน้อย และให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวหลังการหมัก จึงทำให้ได้รสน้ำปลาที่กลมกล่อมและไม่เหม็นคาว ในขณะที่บางยี่ห้ออาจใช้ “ปลาลัง” หรือปลาอื่นที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งส่งผลให้กลิ่นและรสของน้ำปลาหยาบกว่า และมีกลิ่นปลาแรงหรือไม่คงที่
2. สัดส่วนปลา : เกลือ
น้ำปลาที่ได้มาตรฐานมักใช้ปลาต่อเกลือในอัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น 3:1 หรือ 2:1 โดยที่เนื้อปลาต้องมีมากพอจะให้รสชาติที่กลมกล่อมของเนื้อปลา เพราะหากสัดส่วนปลาน้อยแล้วเจือจางด้วยน้ำหรือเกลือปริมาณมาก รสชาติก็จะออกเค็มโดด จนขาดความกลมกล่อมจากธรรมชาติของปลาไป
3. ระยะเวลาในการหมัก
ระยะเวลาเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการทำน้ำปลาแท้ หากหมักน้อยกว่า 6 เดือน มักจะได้กลิ่นและรสที่ยังไม่กลมกล่อม และมีกลิ่นคาวชัดแต่น้ำปลาที่หมักธรรมชาติกว่า 18 เดือน เช่นน้ำปลาของ Squid Brand จะมีกลิ่นหอมธรรมชาติ สีทองใส รสเค็มละมุน ไม่บาดลิ้น การหมักนานเท่ากับการปล่อยให้เอนไซม์ในปลาทำงานเต็มที่ รสชาติจึงละมุนกว่าการปรุงแต่งจากสารเคมี
4. การเติมน้ำตาล ผงชูรส วัตถุกันเสีย หรือสารแต่งกลิ่นอื่นๆ
น้ำปลาบางยี่ห้ออาจเติม น้ำตาล เพื่อให้รสหวานนวล หรือ ผงชูรส เพื่อกลมกล่อมขึ้นในทันที รวมถึงใช้ วัตถุกันเสีย เพื่อยืดอายุสินค้า แต่สารเหล่านี้ล้วนลดทอนคุณภาพน้ำปลาธรรมชาติ และอาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมโซเดียมหรือหลีกเลี่ยงสารปรุงแต่ง ซึ่งหากครัวของคุณอยากได้รสชาติ “อร่อย” จากน้ำปลาแท้ 100% สูตรไม่มีน้ำตาล และไม่มีผงชูรส รับรองว่า น้ำปลาแท้ตราปลาหมึกของเรานั้นตอบโจทย์ที่สุด เพราะน้ำปลาของเราทำมาจากปลากะตัก ไม่ปรุงแต่งเพิ่ม ช่วยให้อาหารของคุณอร่อยลงตัว โดยไม่ต้องพึ่งรสหวานเคมีหรือวัตถุกันเสียใดๆ ถูกใจผู้บริโภคที่รักสุขภาพอย่างแน่นอน
แนะนำน้ำปลา 3 สูตรยอดนิยมของ Squid Brand ที่ตอบโจทย์ทุกเมนูอร่อย
หากครัวของคุณอยากได้รสชาติ “อร่อย” จากหัวน้ำปลาแท้จากปลาแอนโชวี่ ธรรมชาติ 100% เป็นสูตรที่สามารถใช้ประกอบอาหารจานโปรด เราขอแนะนำน้ำปลาแท้ตราปลาหมึก 3 สูตรยอดนิยม ได้แก่ ฉลากเหลือง ฉลากเขียว และฉลากทองที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องรสชาติและสุขภาพในแต่ละความต้องการ:

1. น้ำปลาแท้ตราปลาหมึก ฉลากเขียว สูตรดั้งเดิม
น้ำปลาสูตรดั้งเดิมเป็นที่คุ้นเคยกับคนไทยมาอย่างยาวนานด้วยรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นน้ำปลาแท้ เหมาะสำหรับการใช้ประกอบอาหารไทย ทั้งยำ ตำ ดอง ทอด ต้ม หมัก ช่วยทำให้ให้รสชาติอาหารจานโปรดของคุณมีรสจัดจ้าน เข้มข้น อร่อยได้อย่างลงตัว
2. น้ำปลาแท้ตราปลาหมึก ฉลากเหลือง สูตรกลมกล่อม
น้ำปลาสูตรคลาสสิกที่คนไทยคุ้นเคย ใช้ปลากะตักแท้หมักกับเกลือทะเล เป็นน้ำปลาที่มี “รสกลมกล่อม” ที่หลายครัวเรือนเลือกใช้ ให้รสที่ไม่เค็มโดด เหมาะสำหรับการปรุงอาหารโดยเฉพาะนำไปปรุง เหยาะ เติม หรือทำเป็นน้ำจิ้มก็อร่อยไม่แพ้ใคร
3. น้ำปลาแท้ตราปลาหมึก ฉลากสีทอง (ปลาหมึกโกลด์) – เกรดพรีเมียม
น้ำปลาแท้สูตรพรีเมียมฉลากสีทอง เป็นน้ำปลาสูตรไม่มีน้ำตาล ผู้รับประทานอาหารประเภทคีโต (Ketogenic) สามารถทานได้ ใช้ปลากะตักสดคุณภาพสูง หมักด้วยวิธีธรรมชาติจนได้รสเค็มกลมกล่อม หอมนวล ไม่เค็มโดด ให้กลิ่นอูมามิชัดเจน ใช้ได้ทั้งปรุงอาหารและเป็นน้ำจิ้มในเมนูพรีเมียม เช่น น้ำจิ้มซีฟู้ด ยำ หรือน้ำปลาพริก ก็ช่วยชูรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีก
